เกิดอะไรขึ้น! เด็กพิการแชมป์ "Thailand Got Talent" ร่ำไห้คว้า 10 ล้านได้ แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับ กลับทำให้ต้องปาดน้ำตาไปชั่วชีวิต!!

จากกรณีเด็กนักเรียนพิการ  กลุ่มวีลแชร์แดนซ์ โรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ร่วมประกวดแข่งขันในรายการ“ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์”ปี 2557...


จากกรณีเด็กนักเรียนพิการ  กลุ่มวีลแชร์แดนซ์ โรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ร่วมประกวดแข่งขันในรายการ“ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์”ปี 2557  จนสามารถคว้าแชมป์มาครองพร้อมเงินรางวัล 10 ล้านบาท แต่พอเวลาผ่านล่วงเลยมานาน กลับมีดราม่าสนั่นโซเชียล เนื่องจากเด็กๆ กลุ่มนี้ได้รับส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม หลังจากที่เพจดังได้ออกมาแฉเรื่องราวดังกล่าว อย่างดุเดือดเผ็ดร้อน จนสังคมก็มีความสงสัยว่าเงิน 10 ล้านบาทของเด็กๆ มีใครฮุบไปหรือไม่  และมีกระแสดราม่าตามมาอีกมากมาย ทั้งกระแสเรื่องผอ.โรงเรียนเป็นผู้ฮุบเงิน  และบังคับเด็กพิการให้ขายหวย  ที่ทำให้ประชาชนติดตามและอยากทราบความจริง
ล่าสุดทางรายการ “โหนกระแส”ออกอากาศทาง ช่อง 28 ได้เชิญ 3 ผู้แข่งขันในรายการ ได้แก่ คุณแบงค์-ภูมิรินทร์ วงศ์ษา, คุณแอม-อุทุมพร ประทุมผาย, คุณเต้-ทัศนัย บุญมีและคุณย่า (เต้) ประนอม จันทร์อินทร์ มาพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยทางทีมข่าว Deep News ได้ถอดบทสัมภาษณ์ในรายการและเรียบเรียงไว้ดังนี้
โดยน้อง"ชาตรี" เป็นคนเล่าเรื่องก่อนเลยว่า เริ่มแรกมีครูคนหนึ่งที่จะรวมทีมให้พวกเรา คือ ครูสุข เคยอยู่ที่โรงเรียนที่เรียน แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว หลังจากนั้นพวกผมก็จะมีการแข่งขันมาตลอด ก็จะแข่งเฉพาะเด็กพิการด้วยกัน จนปี 2557 มีการออดิชั่นรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซึ่งก็ไปออดิชั่นที่ห้างเมญ่า ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครูสุขไปหยิบใบสมัครมา ถามว่าโรงเรียนทราบเรื่องมั้ย คิดว่าตอนนั้นทางโรงเรียนไม่น่าจะทราบ ครูเขาก็มาถามว่าสนใจมั้ย พวกผมก็คุยกันว่าจะไปหรือไม่ไป พอรวมทีมได้สมาชิกครบ 8 คนก็ลองคุยกับครูว่าลองไปออดิชั่นดู อย่างน้อยก็ได้เปิดโอกาสให้กับตัวเองด้วย เพราะพวกเราก็เรียนที่เดียวกันหมดเลย เรื่องการฝึกซ้อมก็ค่อนข้างสะดวก

ต่อมาทางพิธีกร คุณหนุ่ม กรรชัย ก็ได้สอบถามต่อไปว่า ไปแข่งขันแล้วยังไงต่อ??
น้องชาตรี เล่าว่า ไปออดิชั่นรอบแรกก็ยังไม่รู้ว่าได้ผ่านเข้ามาออดิชั่นที่กรุงเทพฯหรือเปล่า ไม่ทราบว่าผ่านเข้ารอบมั้ย แต่ถ้าถามว่าตอนนั้นทางโรงเรียนได้เข้ามาดูแลหรือยัง รอบแรกที่ไปออดิชั่นพวกผมมีเงินเก็บส่วนตัวของกลุ่ม 8 คนอยู่ เราจึงหาซื้อเสื้อผ้าที่ไปแสดงโดยใช้เงินเก็บตรงนี้



น้องแบงค์ก็เล่าต่อว่า “ทางโรงเรียนยังไม่เข้ามาเกี่ยวข้องตอนนั้นครับ”

น้องแอม “พวกเราจ่ายเงินเอง ในตอนนั้น”

แล้วพอผ่านเข้ารอบแล้วยังไงต่อ??

น้องชาตรี “พอเข้ารอบคัดเลือก ซึ่งต้องมาแข่งขันให้กรรมการดู เป็นการตัดสินโดยคณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน แล้วทุกคนก็ให้ผ่าน โดยเขาจะให้ระยะเวลา 1 เดือน เพื่อฝึกซ้อม พอมาอีกรอบหนึ่งทางโรงเรียนก็จะออกค่ารถ ค่าเดินทาง ค่ากินให้”

ถือว่าในช่วงแรกทางโรงเรียนไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรเลย??

น้องชาตรี “ใช่ครับ ที่โรงเรียนเข้ามาดูแลก็คือจัดคุณครูที่สอนออกกำลังกาย และมีคุณครูที่มาดูเรื่องอาหารการกิน เรื่องเสื้อผ้าคุณครูที่รู้เรื่องเสื้อผ้าก็จะจัดเสื้อผ้าให้ จัดเป็นส่วนๆ มาให้ตอนที่ได้เข้ารอบแล้ว”
แล้วพอชนะเลิศได้เงินรางวัลมาเท่าไหร่??
น้องชาตรี “10 ล้านบาทครับ ข้อตกลงว่าใครไปรับเงินผมไม่ทราบเลย”
คุณย่า “อันนี้ก็ไม่รู้เรื่องเลย เรื่องไปรับเงินรับทอง ไม่รู้เรื่องเลย ทางโรงเรียนไม่ได้แจ้ง เขาแจ้งอีกทีตอนที่ได้เงิน  ให้เราไปรับน้องเต้มา เพราะน้องเต้ ป่วยหนักตอนนั้น พอเราไป เขาก็เข้าประชุมกันเลยว่าเงิน 10 ล้านได้มาแล้วนะ โดยที่ไม่ต้องเสียภาษี ที่ไม่เสียภาษีเพราะไปรับเงินผ่านมูลนิธิคนพิการหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ ย่าไมเข้าใจ ก็มาคุยกัน เราก็งงไปหมด ด้วยอารมณ์ดีใจด้วย หลานมีชื่อเสียง ได้เงินมา ผอ.ท่านก็พูดว่า ถ้าจะเอาเงินเลยได้ 2 แสนแล้วจบกัน ถ้าจะเอา 5 แสนต้องรอ 5 ปี ได้ปีละ 1 แสน 5 ปี ตอนนั้นเรายังไม่รู้สึกตัวเลยว่าเราจะยอมดีหรือไม่ยอมดี สรุปวันนั้นย่าไม่ได้ยอม แต่่ที่ไม่ได้ร้องเรียน หรือพูดอะไรกับเขาเพราะว่าน้ำท่วมปาก พูดอะไรไปเขาก็บอกว่าตามนี้นะ ทุกคนร้องไห้หมด แม้แต่ชาตรีก็ยังร้องไห้”
น้องชาตรี “ร้องไห้ครับ คือ ผมพูดในที่ประชุมเลยครับว่าเงินทีละ 2 แสนได้มั้ย เพราะผมจะไปสร้างบ้านให้พ่อ ทุกวันนี้พ่อผมไม่มีบ้านอยู่ จุดประสงค์ตอนนั้นผมไปแข่งเพราะอะไรผมคิดไว้แล้ว ที่ไปแข่งผมคิดว่าพ่อผมต้องมีบ้านอยู่แน่นอน ผมต้องได้เงินก้อนสักก้อนหนึ่ง แต่ทางโรงเรียนไม่ให้”

แล้วทั้งหมด 8 คน ได้เงินคนละ 5 แสน ทั้งหมดก็คิดเป็นจำนวน 4 ล้าน แล้วอีก 6 ล้านบาทล่ะ ไปไหน??

น้องชาตรี “อันนี้ผมไม่รู้เลยครับ ถ้าพูด 2 แสนกับ 5 แสน ใครๆ ก็อยากได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่ผมขอ 2 แสนเพื่อเอาเงินไปสร้างบ้าน ส่วนอีก 3 แสนก็ฝากไว้ที่โรงเรียนนั้นแหละ ผอ. บอกไม่ให้ ผมก็ร้องไห้เลย”
น้องแบงค์ “ตอนนั้น คือ เงินที่จะได้มาผมจะเอาไปเรียนต่อข้างนอก ตอนนั้นผมขอ 7 หมื่น ซึ่งก็รับเงินปี 1 แสนบาท เป็นระยะเวลา 5 ปีเหมือนกัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมได้เงินมาแสนกว่าบาท ซึ่งก็ผ่านมา 4 ปีแล้ว”
น้องแอม “ตอนนั้นหนูเบิกแค่ 15,000 เพราะหนูอยู่หอประจำ ก็เอาเงินไปซื้อของเข้าหอ ก็ตกลงเหมือนกัน และครั้งที่ 2 เบิก 46,000 บาท เท่านั้นเลย”

เห็นคุณย่าบอกว่าน้องเต้ไม่สบายหนัก??

คุณย่า “ใช่ค่ะ เขาเป็นแผลกดทับต้องไปล้างแผลทุกวัน ไม่มีเงินไปรักษา เราต้องการเงิน 3 หมื่นเพื่อไปทำการรักษา ตอนนั้นเต้ผ่าตัดใหญ่ เลือดออกเยอะมาก ก็กลายเป็นเลือดจาง โทรไปหาครูคนหนึ่งเขาก็บอกว่าให้โทรไปหา ผอ. ได้เลย พอได้เบอร์ก็โทรเลย ผอ.บอกว่าถ้าพวกเธอไม่มีเงินก้อนนี้ แล้วจะเงินที่ไหนรักษากัน ย่าก็ร้องไห้พูดไป น้องเต้เจ็บมากๆ แล้วตอนนั้น ไม่ได้เจ็บจากย่านะ เจ็บจากโรงเรียน แต่ผอ.แกบอกว่า น้องเต้อยู่โรงเรียนไม่เคยเป็นอะไรเลย กลับมาบ้านมีปัญหาทุกที สรุป ผอ. โอนเงินมาให้ 15,000  สำหรับเงินที่ได้มาทั้งหมด ปี 2557 ได้มา 3 หมื่นบาท  ปี 2558 ได้มา 3 หมื่นบาท และปี 2559 ได้มาอีก 3 หมื่นบาท แล้วครูมาเยี่ยมได้มาอีก 3 หมื่นบาท พอโทรไปหาผอ. ก็ได้มาอีก 15,000 เป็น 145,000 แทนที่จะได้ 3 แสนกว่าบาท  เรารู้สึกเสียใจที่เกิดมาจน หลานอุตส่าห์สู้ทำได้มาขนาดนี้ ”

น้องเต้ “ผมก็ยังไม่ได้เห็นเงินสักที คือ ผมคิดว่าน่าจะได้เงินมากกว่านี้ ในเงินตรงนั้นทุกปีจะมีดอกเบี้ย แต่ทุกวันนี้ผมเห็นแต่เงินดอกเบี้ย เงินจริงๆ ไม่เคยได้จับเลยครับ”

น้องชาตรี “ผมคิดว่าน่าจะเงินสักก้อน”

คุณย่า “เรื่องเงิน 10 ล้านถ้ารอให้เงินหมุนเวียนแบบนี้ก็ไม่ได้สักที อยากได้เป็นเงินก้อน สักคนละ 1 ล้าน 8 คน ก็ 8 ล้าน ที่เหลือโรงเรียนก็เอาไปทำประโยชน์อื่นๆ ได้เลย”

ชมคลิป


CR:http://www.siamvariety.com/view-20939.html

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images