เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 19 พ.ย. พ.ต.ท.นาวา ปูดำ สว.สอบสวน สภ.บางเลน จ.นครปฐม รับแจ้งพบศพเสียชีวิตในรถยนต์ที่ตกลงไปในคลอง บริเวณประตูระบายน้ำคลองนกกระทุง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ม.2 ต.คลองนกกระทุง อ.บางเลน หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน สภ.บางเลน แพทย์เวรโรงพยาบาลบางเลน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม


ที่เกิดเหตุพบศพนายบัณฑิต ทาธิสา อายุ 41 ปี บริษัท ส.วัฒนา โรงงานผลิตพลาสติกตำแหน่งหัวหน้าช่างเครื่อง อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.11 ต.ท่าโพธิ์ศรี อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี สภาพศพเริ่มบวมอืดและส่งกลิ่นเหม็น ไม่พบร่องรอยจากการถูกทำร้าย โดยอยู่ในสภาพนั่งเสียชีวิตอยู่ที่เบาะคนขับภายในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอจูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 5กอ9954 กทม. สภาพรถด้านหน้าพุ่งลงไปในคลอง โผล่ให้เห็นท้ายรถเท่านั้น กระจกหน้าแตกร้าว เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำรถขึ้นฝั่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

จากการสอบถามนางสุดารัตน์ อินทร์ทองขาว หลานสะใภ้ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ทางบ้านได้พยายามติดต่อกับนายบัณฑิตมาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ เมื่อไปตรวจสอบยังที่ทำงานพบว่า นายบัณฑิตได้ออกงานในช่วงหัวค่ำของวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยสันนิษฐานว่า ขณะที่ขับรถกลับบ้านพักนั้น นายบัณฑิตขับรถมาด้วยความเร็ว ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นทางโค้งก่อนข้ามสะพาน เกิดเสียหลักหลุดโค้งพุ่งตกคลองไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เสียชีวิตดังกล่าว


ด้าน นายอู่ทอง ศรีสุวรรณ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นคนพบศพคนแรก เปิดเผยว่า ตนเดินออกมาดูระดับน้ำที่ขึ้นสูง บริเวณประตูระบายน้ำคลองนกกระทุง เนื่องจากในช่วงนี้มีฝนตก และกลัวว่าน้ำจะท่วมเข้าบ่อ เมื่อมาถึงปรากฏว่าเห็นมีรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สภาพด้านหน้ารถพุ่งตกลงไปในน้ำ โผล่ให้เห็นเพียงไฟท้าย จึงไปบอกชาวบ้านให้มาดู พร้อมโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว

สำหรับเส้นทางในจุดเกิดเหตุนี้ ไม่ได้อยู่ในเขตชุมชน และไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นบ่อปลา ทุ่งนา เป็นเส้นทางถนนในซอยระหว่างตำบล ซึ่งไม่ใช่ถนนสายหลัก ประกอบกับรถยนต์ที่เสียหลักพุ่งตกลงไปในคลองถูกปกคลุมไปด้วยผักตบชวา เห็นเพียงไฟท้ายรถโผล่ขึ้นมาเท่านั้น ทำให้ไม่มีชาวบ้านไปพบขณะเกิดเหตุ จนกระทั่ง นายอู่ทองได้เดินไปตรวจระดับน้ำที่บริเวณประตูระบายน้ำจึงพบว่ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว


CR:https://www.siamnews.com/view-10020.html