อดีตภรรยาโจลั่น! ขอจบทุกอย่าง ก่อนเผยเหตุผลที่ไม่อยากให้ ‘ไอซ์’ เก็บอัฐิพ่อ (รายละเอียด)

วันที่ 14 พ.ย. ที่ ชั้น 7 อาคารเซษฐโชติศักดิ์ ลาดพร้าว 15 ไอซ์-โชคชัย และ น้ำ-นันทิยา อุชชิน ลูกชายและอดีตภรรยาของ “โจ บอยสเก๊าท์” เดินทา...


วันที่ 14 พ.ย. ที่ ชั้น 7 อาคารเซษฐโชติศักดิ์ ลาดพร้าว 15 ไอซ์-โชคชัย และ น้ำ-นันทิยา อุชชิน ลูกชายและอดีตภรรยาของ “โจ บอยสเก๊าท์” เดินทางมาร่วมรายการ “เจาะประเด็น” ทางช่อง 8

หลังให้สัมภาษณ์ในรายการเสร็จ “ไอซ์” และคุณแม่ ได้เปิดใจกับทางข่าวสดอีกครั้ง


โดย น้ำ-นันทิยา เผยว่า เรื่องการปรับตัวเวลาที่มีคนเข้ามาสอบถามและให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นข่าวเยอะ ตนไม่ได้รู้สึกเกร็ง มองว่ามันเหมือนการพูดคุยกันปกติ แต่ว่าไม่ชอบอย่างหนึ่งคือตนยังจับกล้องไม่ถูก หน้าเลยจะดูลอยไปลอยมา อีกอย่างเรื่องการไปให้สัมภาษณ์ตามที่ต่างๆ คิดว่าคงจะพอแล้ว ไม่อยากพูดแล้ว เรื่องทุกอย่างก็จบแล้วเพราะสิ่งที่ตอบไปก่อนหน้านี้ก็ครอบคลุมหมดทุกอย่าง แต่ถ้าจะคุยเรื่องว่าน้องไอซ์จะบวชยังไงตอนไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องระหว่างตนกับโจที่ผ่านมาคิดว่ามันกำลังสวย นิ่ง และดีแล้ว โดยรวมตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วบทสรุปมันสวยและแฮปปี้เอ็นดิ้ง

คุณแม่น้องไอซ์กล่าวอีกว่า ช่วงนี้จะเห็นว่าตนกับลูกไปให้สัมภาษณ์ในหลายรายการ ค่อนข้างกังวลเรื่องที่สังคมจะมองว่ากำลังใช้พื้นที่ตรงนี้ในการเกาะกระแสหรือเปล่า แต่ถ้าจะอธิบายให้คนทั้งประเทศเข้าใจเป็นเรื่องยาก ขนาดอธิบายแล้วความคิดของแต่ละคนก็ยังไม่เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าไปสนใจหรือแคร์กับตรงนี้ ขอแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คำว่าหน้าที่ของตนคือเมื่อมันเกิดเรื่องราวที่ลูกตนมีส่วนเกี่ยวข้อง ในฐานะที่เป็นแม่ก็มีหน้าที่เข้ามาแก้ไขและขอโทษผู้ใหญ่ น้องๆ หลายคนก็ต้องพลอยมาเสียชื่อเสียงด้วยกับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อคิดว่าทำเสร็จเรียบร้อยดีแล้วก็ถือว่าจบหน้าที่ของตนแล้ว หลังจากนี้ในส่วนของลูกระหว่างความสัมพันธ์กับพ่อและกับปู่ อันนั้นเป็นเรื่องที่ลูกต้องตัดสินใจเองเพราะโตแล้ว จริงๆ ความสัมพันธ์ของน้องไอซ์กับโจไม่ได้คล้ายว่าเป็นพ่อกับลูก แต่เขาจะเหมือนเพื่อนเหมือนพี่เหมือนน้องมากกว่า ถ้าเลือกได้ตนอยากให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม การที่สังคมมารับรู้ว่าน้องไอซ์มีครอบครับเพิ่มขึ้นเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่คุ้มกับการที่ต้องเสียโจไป ถึงจะไม่มีคนสนใจหรือใครรู้จักแต่มันดีกว่าเยอะ

สำหรับความคืบหน้าเรื่องที่ลูกชายจะบวชหน้าไฟ นางนันทิยา กล่าวว่า คงทราบรายละเอียดที่แน่นอนตอนเย็นวันนี้ว่าจะบวชได้หรือไม่ได้ เนื่องจากเพิ่งคุยกัน พอทางญาติฝั่งโจทราบว่าน้องไอซ์เต็มใจบวชก็ต้องติดต่อกับทางพระที่วัดก่อนว่าทุกอย่างจะทันไหม ใจตนอยากให้บวช ตามความเชื่อของคนไทยก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งครั้งนี้ที่จะบวชคือบวชหน้าไฟ เพราะถ้าเป็นการบวชพระอาจจะยุ่งยาก แต่จริงๆ น้องไอซ์เคยบวชแล้ว ตอนนั้นก็โทร.ไปบอกโจว่าลูกจะบวชสามารถมาได้ไหม แต่บังเอิญว่าโจติดงาน อีกอย่างไม่ได้วางแผนล่วงหน้ากัน นึกอยากจะบวชอาทิตย์เดียวก็บวชเลย ตนก็ให้น้องไอซ์ขอขมาป่ะป๊าตามประเพณี โจก็รับรู้ว่าลูกจะบวช เพียงแต่ตนไม่ได้ซีเรียสว่าเขาจะต้องมาหรือไม่มา โจยังถามด้วยว่าทำไมตนไม่บอกเขาล่วงหน้า คือตอนนั้นตนนึกอยากจะโทร.ไปบอกก็โทร.เลย คือรู้แผนว่าลูกจะบวชแต่ลืมไปว่าไม่ได้โทร.บอกป่ะป๊าของเขา ที่ผ่านมาโจจะรับรู้ความเคลื่อนไหวของตนและลูกอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ได้มองว่าเขาจะต้องมาทุกงานอะไรแบบนั้น อย่างวันเกิดน้องไอซ์ตอนอายุ 15 ปี ตนก็โทร.บอกโจซึ่งเขาก็ขอดูก่อนว่าติดงานอะไรไหม วันนั้นยังจำได้เลยว่าตนพาลูกไปเที่ยวที่ จ.กระบี่ ปรากฏโจโทร.มาบอกว่ามาได้แล้วก็ตีตั๋วด่วนกันมา ตนต้องให้พี่สาวไปรับโจสนามบินที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากตอนนั้นตนกำลังตีรถจากระบี่กลับมาสุราษฎร์ฯ ตนมองว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้จะต้องไปบอกใคร โจเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ากดดันมันก็เลยเป็นอะไรที่สบายๆ กันมา

“แต่ตอนนี้สิ่งที่อยากขอโทษลูกคือที่ผ่านมาพี่กับโจรู้สึกสบายๆ กับความสัมพันธ์แบบนี้ดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ไม่ทันได้นึกถึงความรู้สึกของลูก ความกดดันของเขามันเยอะเพียงแต่เขาไม่ได้พูด จนมาหลังๆ ก็เริ่มรู้ แต่พอรู้ปรากฏว่าเรื่องราวมันผ่าน 20 กว่าปี บางทีจะกลับไปแก้ไขอะไรก็ไม่ได้แล้ว พี่ถึงมีสิ่งที่ดีใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้เรื่องหนึ่งคือ ลูกได้ปลดปล่อยในสิ่งที่เคยโดนคนอื่นดูถูกและไม่เชื่อมาตั้งแต่เด็ก” นางนันทิยากล่าว

จากนั้น นางนันทิยา ได้เล่าให้ฟังอีกว่า สมัยก่อนเวลามีงานวันพ่อวันแม่ที่โรงเรียน ตนแก้ปัญหาด้วยการว่าไม่ไปเลย พาลูกเที่ยวหรืออยู่บ้านดีกว่า เรื่องนี้อยากฝากถึงสังคมนิดนึงว่า ทุกวันนี้ครอบครัวที่พ่อแม่มีปัญหาเยอะมาก แล้วทำไมโรงเรียนต้องจัดงานวันพ่อวันแม่ เด็กบางคนที่ไม่มีพ่อแม่ก็ได้แต่นั่งมองว่าทำไมพ่อแม่ของเพื่อนคนอื่นมากันได้ ซึ่งอะไรเหล่านี้มันกระทบจิตใจของเด็กอย่างมากทีเดียว

ส่วนเรื่องอัฐิของโจ นางนันทิยา กล่าวว่า ตนยังยืนยันว่าไม่อยากให้น้องไอซ์เก็บ ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าเก็บเอาไว้แล้ว แต่ลูกปฏิบัติตนไม่ดีมันก็จะส่งผลกับตัวของเขาได้ รวมถึงต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลานอีกจะมาดูแลอัฐิตรงนี้ได้ดีหรือเปล่า ตนว่าเก็บแค่รูปพอแล้ว ยังเคยบอกลูกด้วยว่าถ้าเกิดวันหนึ่งตนเป็นอะไรไป เก็บแค่รูปไว้อย่างเดียว ที่เหลือทิ้งลงทะเลไปให้หมด

นางนันทิยากล่าวต่อว่า หลังเสร็จงานศพตนคงกลับไปทำงานที่ต่างจังหวัดตามปกติ ถ้ามีเวลาว่างหรือมีโอกาสเหมาะสมก็คงจะขึ้นมาเยี่ยมปู่บ้าง แต่ทั้งนี้ต้องถามความเห็นทางฝั่งโน้นด้วย เนื่องจากคนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันมา ถ้านานๆ ไปพบเจอทีมันจะมีแต่ความสุข แต่ถ้าไปเจอกันบ่อยแล้วเกิดรับนิสัยใจคอบางส่วนไม่ได้ มันจะกลายเป็นความไม่ดีมากกว่า

สำหรับกระแสความชื่นชมการวางตัว การตอบคำถาม รวมถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้สมัยที่โจมีชื่อเสียงมากๆ แต่ไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรนั้น นางนันทิยา กล่าวว่า อย่างแรกคือต้องขอบคุณคนที่ชื่นชมและให้กำลังใจ ตนมองว่าเมื่อคิดดีการกระทำมันจะออกมาเอง ถามว่าทำไมไม่คิดจะแสดงตัวตั้งแต่สมัยที่โจมีชื่อเสียง ตนมองว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปทำลายอนาคตของเขา เมื่อเขามีโอกาสยิ่งต้องส่งเสริม เมื่อแนวความคิดของตนเป็นแบบนี้เลยไม่ได้รู้สึกว่าทำไมจะต้องออกมาบอกว่าฉันเป็นใคร สมมติถ้าตนออกมาในตอนนั้น สังคมก็แค่รับรู้ ข่าวก็เป็นที่สนใจแว้บๆ แล้วก็จบกันไปแค่นั้น มันไม่ใช่ว่าพอบอกแล้วตนจะได้เป็นดาราหรือได้เข้าวงการ ฉะนั้นทำไปแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์กับทุกฝ่ายก็ไม่รู้จะทำทำไม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเลี้ยงดูลูกชายคนนี้ นางนันทิยา บอกว่า ตนไม่ได้หวงลูก ถ้าลูกรักใครก็รักด้วยหมด สำหรับตนทั้งลูกสาวและลูกชายไม่เคยไปกำหนดว่าลูกจะต้องคบคนแบบไหน คบที่ฐานะ หน้าตาหรืออะไร รวยก็หมดได้ หน้าตาดีก็หมดได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือความดีและความรักที่เขามีให้ลูกของตนมากกว่า เลี้ยงน้องไอซ์มาจนโต สิ่งที่รู้สึกว่าเขาเหมือนกับโจคือเรื่องความเงียบ ชอบเก็บ ไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึก บางทีต้องคาดคั้นกว่าจะยอมพูดออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากจะบอกอะไรกับคนที่ติดตามข่าวนี้อยู่ คุณแม่น้องไอซ์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็มีซิงเกิ้ลมัมหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะขอติดต่อมาเป็นเพื่อนตนเยอะมาก อยากจะบอกว่าคุณเลี้ยงลูกไปตามความรู้สึกของคุณ ไม่ต้องไปเลียนแบบใคร คิดยังไง คุณเป็นอย่างไหน คุณทำไป เพราะว่าแนวการเลี้ยงและวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สิ่งเดียวที่อยากจะแนะนำคืออย่าไปโจมตีพ่อเขา บางคนโกรธกับพ่อจะพูดถึงพ่อไม่ดี ถ้าตัวเราบ่มเพาะให้ลูกเกลียดพ่อเหมือนกับลูกเราทำสิ่งไม่ดี ตัวเราจะโกรธเกลียดพ่อก็ช่างมันเป็นเรื่องของตัวเรา แต่กับลูกไม่เกี่ยวกัน ถ้าตัวเราไม่อยากพูดถึงพ่อก็ไม่ต้องพูดถึง แต่ควรให้เป็นความรู้สึกดีๆ ถ้าพ่อทำไม่ดีเดี๋ยวลูกรู้เอง แต่เรื่องอื่นเลี้ยงตามปกติตามนิสัยของตัวเรา เพราะสภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างน้อยๆ ไม่ควรให้ลูกเกลียดบุพการี จะเลี้ยงดูหรือไม่ได้เลี้ยงดูมายังไงก็เป็นสายเลือดกัน

“พี่กับลูกจะอยู่ร่วมงานศพไปจนถึงวันฌาปนกิจ เพราะถ้าไม่ติดปัญหาอะไรในวันที่ 16 พ.ย. ไอซ์จะต้องบวชหน้าไฟให้ป่ะป๊ะของเขาด้วย” นางนันทิยาทิ้งท้าย

ด้าน “ไอซ์” กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดว่าวันนี้จะมาถึงและก็ไม่อยากให้มีด้วย ถ้าจะมีก็อยากให้มีโอกาสอย่างอื่นมากกว่า ไม่ได้เป็นในโอกาสแบบนี้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มาส่งพ่อขึ้นสวรรค์ และดูแลปู่แทนพ่อ จริงๆ ถ้าเลือกได้อยากกลับไปมีชีวิตเหมือนเดิมดีกว่า อยู่แบบที่ไม่มีใครรู้ แต่ว่ายังมีพ่ออยู่คอยให้คำปรึกษาเพราะอย่างน้อยก็ยังเห็นกัน อีกอย่าง 27 ปีที่ผ่านมาก็อยู่แบบนั้นมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อนอะไรและมีความสุขตามประสา สำหรับความคืบหน้าเรื่องบวชหน้าไฟ ตอนนี้ทางญาติฝั่งพ่อได้ติดต่อไปที่วัดสายไหมแล้วว่าจะบวช ถ้าไม่ติดปัญหาอะไรคงเป็นในวันที่ 16 พ.ย.นี้ สำหรับอัฐิของพ่อ ตอนแรกตนก็อยากเก็บไว้ส่วนหนึ่งบ้าง แต่พอได้ฟังเหตุผลของแม่แล้วก็เข้าใจและเห็นด้วย หลังจากเสร็จงานศพของพ่อ ตนคงจะติดต่อและแวะเวียนไปหาปู่และญาติทางฝั่งพ่อมากขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า 27 ปีที่ผ่านมาเคยรู้สึกน้อยใจหรือมีปมในใจเรื่องพ่อบ้างไหม ไอซ์ กล่าวว่า จริงๆ ที่ผ่านมา 27 ปี ตนก็ไม่ได้รู้สึกมีปมในใจ ใช้ชีวิตปกติ แต่อาจจะมีตอนเด็กๆ ที่รู้สึกบ้าง อย่างเวลาที่โรงเรียนจัดงานวันพ่อก็จะเกิดความรู้สึกขึ้นมาบ้าง แต่ว่าแม่ก็ตัดปัญหาด้วยการไม่ได้พาตนไปร่วมงาน

ไอซ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนคิดว่าเหมือนพ่อน่าจะเป็นเลือดศิลปิน เพราะชอบเล่นดนตรี ตอนนี้เล่นกีต้าร์ ส่วนร้องเพลงก็พอได้ แต่ว่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรในวงการมากกว่านี้ต้องแล้วแต่ทางผู้ใหญ่ ถ้ามีโอกาสก็ยินดีเพราะเป็นความฝันของวัยรุ่นโดยส่วนใหญ่อยู่แล้ว

ถามต่อว่าตอนนี้มีแฟนหรือยัง ไอซ์ยิ้มเขินก่อนตอบว่า ยังเลยครับ แต่ว่าก็มีสเป๊กผู้หญิงที่ชอบคือขาวหมวย

จากนั้น “ไอซ์” กล่าวถึงทุกคนที่ให้กำลังใจว่า หลังจากที่ตนได้รับกำลังใจมาเยอะ ตอนนี้ก็อยากเป็นกำลังใจกลับให้กับสังคมเหมือนกัน สำหรับคนที่มีชีวิตครอบครัวไม่สมบูรณ์คงมีเยอะ ตนเหมือนเป็นตัวอย่างครอบครัวหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ยังเรียนจบ ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ อยู่ในร่องในรอย ทั้งที่ตนก็มีปัญหาไม่ต่างจากคนอื่น จึงอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนว่าสู้ต่อไปครับ

CR:https://www.siamnews.com/view-9811.html

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images